ทริปล่าฝัน อยู่ที่ไหน ก็ไปถึง......วังเวียง
ก่อนอื่นเลยเปิดประเด็นก่อนเลย คือก่อนที่จะคิดว่าอยากจะไปวังเวียงเนี้ย จริงๆแล้ว ผมไม่รู้จักเลยนะว่าวังเวียงคือที่ไหน แต่พอดีมีพี่ที่รู้จักกันเขาโพสรูปภาพ ลงบน Facebook เลยมีแรงบันดาลใจอยากไปเลย เพราะส่วนตัวแล้วชอบธรรมชาติอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ได้คิดไว้เลยว่าจะไปแบบไหน แค่อยากไปเพราะ ช่วงต้นเดือนกันยายน ก็พึ่งไป อุดรธานี มา ไปวัดป่าภูก้อน ก็ไม่ได้คิดอะไรไว้เยอะแยะมากมาย เพราะตัวเองก็มีทริปที่จะไปสิ้นปีอยู่แล้ว แต่ก็อย่างว่าแหละครับ ทำงานมาเหนื่อยก็อยากจะหาอะไรพักผ่อนบ้าง ลองศึกษาข้อมูลการเดินทางไปลาว ลองดูสถานที่เที่ยว ว่าที่ไหนน่าไปบ้าง ก็ส่วนใหญ่เห็นที่นักท่องเที่ยวไปเล่นน้ำกัน น้ำเขียว ใส ไปโดดน้ำ อยากมีโมเม้นแบบนั้นบ้าง ก็ปล่อยให้เรื่องผ่านไป จนมากลางเดือนกันยายน ก็ได้เวลาวางแผนสิครับ อยากไป อยากท่องโลก อยากผจญภัย อยากจะขี่มอไซด์ แต่....ทุกอย่างเข้ามาในหัวมากมายเลยแหละ ว่าจะไปยังไง ระยะ 800 กว่าโลเลยนะ จะขี่ไปยังไง พักที่ไหน ตอนแรก ลางานไว้ 3-6 ตุลาคม 2558 ก็วางแผนว่าจะเอารถขึ้นรถไฟไป จะได้ไม่เหนื่อยมากสำหรับการเดินทาง และไปถึงจะได้มีแรงเดินทางต่อยาวๆเลย แผนการที่วางไว้สวยงามมากเลย
ต่อไปก็ได้เวลาเก็บรายละเอียดซะหน่อย สำหรับการเดินทางของผม ในเมื่อเราจะเดินทางทางรถไฟ ก็ต้องหาข้อมูลการขนส่งมอไซด์เพื่อให้ไปยังจุดหมายที่ใกล้ที่สุดก่อนเลย แต่ก็ว่าจะไปลงที่อุดรธานี เพราะมีเพื่อนที่อยู่ที่อุดรธานี ได้เจอเพื่อนๆก่อนที่จะลุย เพื่อนๆก็สนใจ ว่าให้เราทิ้งรถไว้อุดร แล้วเดินทางไปพร้อมกัน แต่ผมบอกว่าไม่เอา มันไม่ได้บรรยากาศสองข้างทาง แล้วก็รถไปก็ช้า อยากได้แบบทิวทัศน์สองข้างทางด้วย ความจริงก็อยากให้เพื่อนไปด้วยเลยบอกว่าให้ไปเจอกันที่วังเวียงไปเที่ยวกันที่โน้น ส่วนการเดินทางไป ก็ต่างคนต่างไปเพราะเวลาไปด้วยกันก็ไม่ได้ไปไหนกันอยู่ดีนั่งแช่อยู่บนรถหลายชั่วโมงอยู่ดี เราเลยเลือกที่จะขี่มอไซด์ไป...เสียงแข็งเลย ระหว่างการเตรียมการก็มีเพื่อนและน้อง สนใจที่จะร่วมทางเหมือนกัน แต่เพื่อนติดปัญหาเรื่องงาน น้องติดปัญหาเรื่องเงิน เพราะผมแจ้งพวกเค้าก่อนเดินทางไม่ถึง อาทิตย์เลย ทำให้ทริปนี้ เหลือผมคนเดียว ถ้าถามว่ากลัวไหม ? ตอบเลยว่ากลัว กลัวรถจะไปเสียข้างทาง กลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุ กลัวว่าจะเจอโน้น นี่นั้น แต่.... หากมัวแต่กลัวโน้นนี่นั้น แล้วเมื่อไหร่ จะได้ออกไปเจอกับสิ่งใหม่ๆ โลกใบใหม่ที่มันกว้างใหญ่กว่าที่เราจะไปหมดถ้าเราไม่เริ่ม
เข้าเรื่องของเราดีกว่า เกิ่นมาเยอะมากพอแล้ว
เริ่มต้นการเตรียมตัว ว่าจะวังเวียง โดยแผนที่ 1 เอารถมอไซด์ขึ้นรถไฟแล้วก็ไปรับรถที่โน้น ก็ไปหาช้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ได้ความว่า
การนำรถมอไซด์ไป โดยการคคิดราคาก็ขึ้นอยู่กับ CC ของตัวรถ ราคาที่ขนส่ง สำหรับรถผม All New PCX 150 ทางเจ้าหน้าที่คิด 1,100 บาท และเจ้าของรถต้องเดินทางไปพร้อมกับขบวนนั้นด้วย ก็คิดผมต้องไปพร้อมกันนั้นแหละ ส่วนเรื่องเอกสารที่ต้องเตรียมก็ไม่มีอะไรมาก
1. บัตรประชาชนเจ้าของรถ
2. สำเนารถ
พอเจอราคาคำนวณแล้วว่าการเดินทางแบบนี้สิ้นเปลืองสิ้นดี 1,100 (รวมค่ายกลงยกขึ้นแล้วนะ เพราะเห็นบางข้อมูลบบอกว่าปากบอกรวมพอไปถึงที่แล้ว ต้องจ่ายเพิ่ม อันนี้ความจริงผมไม่ทราบเหมือนกันนะครับ แต่ผมย้ำกับเจ้าหน้าที่แล้วว่ายกลงด้วยนะ เจ้าหน้าที่ตอบว่า “ใช่” ) ค่าขนส่งขาไปอย่างเดียยวไหนจะค่าตั๋วสำหรับตัวผมเองในการเดินทางอีก คิดไว้ว่าตีตัวนอนนะ ราคาประมาณ 754 บาท รวมๆแล้ว การเดินทางต่อขา 1,854 บาท พูดได้คำเดียวครับ ว่าแพงอ่า เพราะต้องคูณ 2 ไปกลับก็เป็นเงิน 3,708 บาท สำหรับคนอื่นมองว่าเป็นค่าความสบายแต่สำหรับผมมองว่าสิ้นเปลืองเพราะเอาเงินไปทำอย่างอื่นได้อีกเยอะ เลยออกจากสถานีรถไฟ
และไหนๆก็ไหนๆ ละ ไปถามที่หมอชิตเลยดีกว่าเพราะว่ามีการขนส่งเหมือนกัน ไปถึงขนส่งก็สอบถามเจ้าหน้าที่ดู สำหรับการขนส่งทางบก ด้วยรถส่งของนะครับ ไม่จำเป็นต้องไปกับรถ เพราะเขาเป็นรถขนส่งไปกับบเขาไม่ได้นะครับ อิอิ... จากการสอบถามของทางขนส่งทางรถนะครับ เค้าดูจาก CC และขนาดของรถ สำหรับ All New PCX150 เขาคิด 2,500 บาท เค้าก็ให้เหตุผลว่ารถมันใหญ่และก็ขนาดเร็วเล็กๆ เวฟ ฟีโน่ คลิ๊ก อะไรพวกนี้เค้าคิดประมาณ 1,500 บาท ส่วนเอกสารที่ใช้ก็เหมือนกันนะครับ
1. บัตรประชาชนเจ้าของรถ
2. สำเนารถ
หลังจากสอบถามราคา ก็สตั้นไปหลายนาทีเลย เอาไงดีว่ะเนี้ยตรู จะไปยังไงดี เพราะไปขนส่งก็ดูท่าจะแพงกว่ารถไฟไปเยอะเชียว ไปรถไฟก็เสียดายตังส่วนต่าง ไปเองก็กลัวเหนื่อย คนอย่างผม จะไปก็ต้องไปให้ถึง ขอกลับบ้านไปนอนตีพุงคิดก่อนละกัน เหลือเวลาอีกตั้งหลายวัน
ต่อจากนั้น

ได้ข้อสรุปขของการเดินทางโดยการคิดคำนวนแล้วว่า เราเดินทางโดยการขี่รถไปน่าจะคุ้มค่ากว่าแน่นอน เหนื่อยหน่อยแต่สุขใจที่ได้ทำ และถือว่าเป็นการเก็บชั่วโมงบินใหม่ แต่การที่จะเอารถไปจากกรุงเทพฯเลย คงไม่ใช่เรื่องเล่นๆซะแล้วสิ จะไปก็ต้องพร้อม เพราะเคยเดินทางไกลสุดก็แค่ขี่ไปอยุธยา หลุดออกทางไปสระบุรีแล้วก็กลับ ระยะทางตอนนั้นทำได้ประมาณ 300 กว่าโลเองแต่อันนี้หนักกว่าหลายเท่าเลย งั้นเริ่มต้นที่ลาที่ทำงานเพิ่มอีก 1 วันซะเลย เป็น 2-6 ตุลาคม 2558 และก็ได้เวลาเสียตังเลยครับ รถต้องพร้อม ลุยเลยครับสำหรับการเตรียมความพร้อมรถ จัดแจงเตรียมความพร้อมต่างๆที่กลุ่มแนะนำว่า สายพาน ชุดถอดชาม อุปกรณ์ต่างๆที่จำเป็น เตรียมให้หมด เหลือดีกว่าขาด อุปกรณ์ฉุกเฉินพร้อม ต่อไปจะเอาของไปยังไงละทีนี้ ต้องหาตัวช่วยสิครับ กล่อง กล่อง ติดรถ นั้นเอง งั้นป่ะ ไปหาซื้อกล่องติดรถ พอได้กล่องติดรถแล้วก็ไม่วายจะมีข้อติดไม้ติดมือนิดหน่อย เสื้อกันฝน ที่วางแก้ว ที่ใส่โทรศัพท์ กระเป๋าคอนโซลหน้า เอ้า!! อุปกรณ์ครบแล้ว หมดไปซะหมดตัวเลยกว่าจะได้เดินทาง อันนี้อย่าไปคิดกับบการเดินทางนะครับ เพราะถือว่าเป็นการซื้อความสบายเพราะบางคนอาจจะแค่ ใส่ท้าย หาสายยางรัดก็ลุยได้เหมือนกัน
***แต่ประเด็นทริปนี้ การเดินทางผมบอกทางบ้านว่าเอารถมอไซด์ไปด้วย แต่เอาขึ้นรถไฟไปแล้วค่อยไปขี่ต่อที่โน้น เพื่อที่ทางบ้านจะได้สบายใจว่าเราเดินทางปลอดภัยยไม่ต้องเป็นห่วงเรา***
เอ้า!! ได้เวลาวางแผนแล้ว ว่าจะเดินทางไปยังไง
เดียวมาต่อให้อีกครับ
[CR][SR] ทริปล่าฝัน อยู่ที่ไหน ก็ไปถึง......วังเวียง
ก่อนอื่นเลยเปิดประเด็นก่อนเลย คือก่อนที่จะคิดว่าอยากจะไปวังเวียงเนี้ย จริงๆแล้ว ผมไม่รู้จักเลยนะว่าวังเวียงคือที่ไหน แต่พอดีมีพี่ที่รู้จักกันเขาโพสรูปภาพ ลงบน Facebook เลยมีแรงบันดาลใจอยากไปเลย เพราะส่วนตัวแล้วชอบธรรมชาติอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ได้คิดไว้เลยว่าจะไปแบบไหน แค่อยากไปเพราะ ช่วงต้นเดือนกันยายน ก็พึ่งไป อุดรธานี มา ไปวัดป่าภูก้อน ก็ไม่ได้คิดอะไรไว้เยอะแยะมากมาย เพราะตัวเองก็มีทริปที่จะไปสิ้นปีอยู่แล้ว แต่ก็อย่างว่าแหละครับ ทำงานมาเหนื่อยก็อยากจะหาอะไรพักผ่อนบ้าง ลองศึกษาข้อมูลการเดินทางไปลาว ลองดูสถานที่เที่ยว ว่าที่ไหนน่าไปบ้าง ก็ส่วนใหญ่เห็นที่นักท่องเที่ยวไปเล่นน้ำกัน น้ำเขียว ใส ไปโดดน้ำ อยากมีโมเม้นแบบนั้นบ้าง ก็ปล่อยให้เรื่องผ่านไป จนมากลางเดือนกันยายน ก็ได้เวลาวางแผนสิครับ อยากไป อยากท่องโลก อยากผจญภัย อยากจะขี่มอไซด์ แต่....ทุกอย่างเข้ามาในหัวมากมายเลยแหละ ว่าจะไปยังไง ระยะ 800 กว่าโลเลยนะ จะขี่ไปยังไง พักที่ไหน ตอนแรก ลางานไว้ 3-6 ตุลาคม 2558 ก็วางแผนว่าจะเอารถขึ้นรถไฟไป จะได้ไม่เหนื่อยมากสำหรับการเดินทาง และไปถึงจะได้มีแรงเดินทางต่อยาวๆเลย แผนการที่วางไว้สวยงามมากเลย
ต่อไปก็ได้เวลาเก็บรายละเอียดซะหน่อย สำหรับการเดินทางของผม ในเมื่อเราจะเดินทางทางรถไฟ ก็ต้องหาข้อมูลการขนส่งมอไซด์เพื่อให้ไปยังจุดหมายที่ใกล้ที่สุดก่อนเลย แต่ก็ว่าจะไปลงที่อุดรธานี เพราะมีเพื่อนที่อยู่ที่อุดรธานี ได้เจอเพื่อนๆก่อนที่จะลุย เพื่อนๆก็สนใจ ว่าให้เราทิ้งรถไว้อุดร แล้วเดินทางไปพร้อมกัน แต่ผมบอกว่าไม่เอา มันไม่ได้บรรยากาศสองข้างทาง แล้วก็รถไปก็ช้า อยากได้แบบทิวทัศน์สองข้างทางด้วย ความจริงก็อยากให้เพื่อนไปด้วยเลยบอกว่าให้ไปเจอกันที่วังเวียงไปเที่ยวกันที่โน้น ส่วนการเดินทางไป ก็ต่างคนต่างไปเพราะเวลาไปด้วยกันก็ไม่ได้ไปไหนกันอยู่ดีนั่งแช่อยู่บนรถหลายชั่วโมงอยู่ดี เราเลยเลือกที่จะขี่มอไซด์ไป...เสียงแข็งเลย ระหว่างการเตรียมการก็มีเพื่อนและน้อง สนใจที่จะร่วมทางเหมือนกัน แต่เพื่อนติดปัญหาเรื่องงาน น้องติดปัญหาเรื่องเงิน เพราะผมแจ้งพวกเค้าก่อนเดินทางไม่ถึง อาทิตย์เลย ทำให้ทริปนี้ เหลือผมคนเดียว ถ้าถามว่ากลัวไหม ? ตอบเลยว่ากลัว กลัวรถจะไปเสียข้างทาง กลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุ กลัวว่าจะเจอโน้น นี่นั้น แต่.... หากมัวแต่กลัวโน้นนี่นั้น แล้วเมื่อไหร่ จะได้ออกไปเจอกับสิ่งใหม่ๆ โลกใบใหม่ที่มันกว้างใหญ่กว่าที่เราจะไปหมดถ้าเราไม่เริ่ม
เข้าเรื่องของเราดีกว่า เกิ่นมาเยอะมากพอแล้ว
เริ่มต้นการเตรียมตัว ว่าจะวังเวียง โดยแผนที่ 1 เอารถมอไซด์ขึ้นรถไฟแล้วก็ไปรับรถที่โน้น ก็ไปหาช้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ได้ความว่า
การนำรถมอไซด์ไป โดยการคคิดราคาก็ขึ้นอยู่กับ CC ของตัวรถ ราคาที่ขนส่ง สำหรับรถผม All New PCX 150 ทางเจ้าหน้าที่คิด 1,100 บาท และเจ้าของรถต้องเดินทางไปพร้อมกับขบวนนั้นด้วย ก็คิดผมต้องไปพร้อมกันนั้นแหละ ส่วนเรื่องเอกสารที่ต้องเตรียมก็ไม่มีอะไรมาก
1. บัตรประชาชนเจ้าของรถ
2. สำเนารถ
พอเจอราคาคำนวณแล้วว่าการเดินทางแบบนี้สิ้นเปลืองสิ้นดี 1,100 (รวมค่ายกลงยกขึ้นแล้วนะ เพราะเห็นบางข้อมูลบบอกว่าปากบอกรวมพอไปถึงที่แล้ว ต้องจ่ายเพิ่ม อันนี้ความจริงผมไม่ทราบเหมือนกันนะครับ แต่ผมย้ำกับเจ้าหน้าที่แล้วว่ายกลงด้วยนะ เจ้าหน้าที่ตอบว่า “ใช่” ) ค่าขนส่งขาไปอย่างเดียยวไหนจะค่าตั๋วสำหรับตัวผมเองในการเดินทางอีก คิดไว้ว่าตีตัวนอนนะ ราคาประมาณ 754 บาท รวมๆแล้ว การเดินทางต่อขา 1,854 บาท พูดได้คำเดียวครับ ว่าแพงอ่า เพราะต้องคูณ 2 ไปกลับก็เป็นเงิน 3,708 บาท สำหรับคนอื่นมองว่าเป็นค่าความสบายแต่สำหรับผมมองว่าสิ้นเปลืองเพราะเอาเงินไปทำอย่างอื่นได้อีกเยอะ เลยออกจากสถานีรถไฟ
และไหนๆก็ไหนๆ ละ ไปถามที่หมอชิตเลยดีกว่าเพราะว่ามีการขนส่งเหมือนกัน ไปถึงขนส่งก็สอบถามเจ้าหน้าที่ดู สำหรับการขนส่งทางบก ด้วยรถส่งของนะครับ ไม่จำเป็นต้องไปกับรถ เพราะเขาเป็นรถขนส่งไปกับบเขาไม่ได้นะครับ อิอิ... จากการสอบถามของทางขนส่งทางรถนะครับ เค้าดูจาก CC และขนาดของรถ สำหรับ All New PCX150 เขาคิด 2,500 บาท เค้าก็ให้เหตุผลว่ารถมันใหญ่และก็ขนาดเร็วเล็กๆ เวฟ ฟีโน่ คลิ๊ก อะไรพวกนี้เค้าคิดประมาณ 1,500 บาท ส่วนเอกสารที่ใช้ก็เหมือนกันนะครับ
1. บัตรประชาชนเจ้าของรถ
2. สำเนารถ
หลังจากสอบถามราคา ก็สตั้นไปหลายนาทีเลย เอาไงดีว่ะเนี้ยตรู จะไปยังไงดี เพราะไปขนส่งก็ดูท่าจะแพงกว่ารถไฟไปเยอะเชียว ไปรถไฟก็เสียดายตังส่วนต่าง ไปเองก็กลัวเหนื่อย คนอย่างผม จะไปก็ต้องไปให้ถึง ขอกลับบ้านไปนอนตีพุงคิดก่อนละกัน เหลือเวลาอีกตั้งหลายวัน
ต่อจากนั้น
ได้ข้อสรุปขของการเดินทางโดยการคิดคำนวนแล้วว่า เราเดินทางโดยการขี่รถไปน่าจะคุ้มค่ากว่าแน่นอน เหนื่อยหน่อยแต่สุขใจที่ได้ทำ และถือว่าเป็นการเก็บชั่วโมงบินใหม่ แต่การที่จะเอารถไปจากกรุงเทพฯเลย คงไม่ใช่เรื่องเล่นๆซะแล้วสิ จะไปก็ต้องพร้อม เพราะเคยเดินทางไกลสุดก็แค่ขี่ไปอยุธยา หลุดออกทางไปสระบุรีแล้วก็กลับ ระยะทางตอนนั้นทำได้ประมาณ 300 กว่าโลเองแต่อันนี้หนักกว่าหลายเท่าเลย งั้นเริ่มต้นที่ลาที่ทำงานเพิ่มอีก 1 วันซะเลย เป็น 2-6 ตุลาคม 2558 และก็ได้เวลาเสียตังเลยครับ รถต้องพร้อม ลุยเลยครับสำหรับการเตรียมความพร้อมรถ จัดแจงเตรียมความพร้อมต่างๆที่กลุ่มแนะนำว่า สายพาน ชุดถอดชาม อุปกรณ์ต่างๆที่จำเป็น เตรียมให้หมด เหลือดีกว่าขาด อุปกรณ์ฉุกเฉินพร้อม ต่อไปจะเอาของไปยังไงละทีนี้ ต้องหาตัวช่วยสิครับ กล่อง กล่อง ติดรถ นั้นเอง งั้นป่ะ ไปหาซื้อกล่องติดรถ พอได้กล่องติดรถแล้วก็ไม่วายจะมีข้อติดไม้ติดมือนิดหน่อย เสื้อกันฝน ที่วางแก้ว ที่ใส่โทรศัพท์ กระเป๋าคอนโซลหน้า เอ้า!! อุปกรณ์ครบแล้ว หมดไปซะหมดตัวเลยกว่าจะได้เดินทาง อันนี้อย่าไปคิดกับบการเดินทางนะครับ เพราะถือว่าเป็นการซื้อความสบายเพราะบางคนอาจจะแค่ ใส่ท้าย หาสายยางรัดก็ลุยได้เหมือนกัน
***แต่ประเด็นทริปนี้ การเดินทางผมบอกทางบ้านว่าเอารถมอไซด์ไปด้วย แต่เอาขึ้นรถไฟไปแล้วค่อยไปขี่ต่อที่โน้น เพื่อที่ทางบ้านจะได้สบายใจว่าเราเดินทางปลอดภัยยไม่ต้องเป็นห่วงเรา***
เอ้า!! ได้เวลาวางแผนแล้ว ว่าจะเดินทางไปยังไง
เดียวมาต่อให้อีกครับ
**SR - Sponsored Review : ผู้เขียนรีวิวนี้ไม่ได้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง แต่มีผู้สนับสนุนสินค้าหรือบริการนี้ให้แก่ผู้เขียนรีวิว โดยที่ผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนอื่นใดในการเขียนรีวิว